Lap: Compressive, Bending and Splitting Tensile
Strengths of Concrete
ตอนที่ 1 กำลังอัดของตัวอย่างคอนกรีต
(Compressive Strength of Concrete Specimens)
ตอนที่
2 กำลังดัดของคอนกรีต (Bending
Strength of Concrete
ตอนที่ 1 กำลังอัดของตัวอย่างคอนกรีต
(Compressive Strength of Concrete Specimens)
จุดประสงค์:
1.
เพื่อให้ทราบถึงวิธีการทดสอบกำลังอัดของคอนกรีต
2.
เปรียบเทียบกำลังอัดของคอนกรีตลูกบาศก์และกำลังอัดของคอนกรีตทรงกระบอกได้
3.
เปรียบเทียบพฤติกรรมการแตกร้าวของตัวอย่างคอนกรีตลูกบาศก์และตัวอย่างคอนกรีตทรงกระบอกได้
ที่มา/ความสำคัญ
1.การทดสอบกำลังอัด
ทำการทดสอบกับก้อนตัวอย่างมาตรฐาน ASTM สำหรับมาตรฐานในประเทศไทย
มาตรฐานอุตสาหกรรม
(มอก.) ยอมให้มีการทดสอบได้ทั้งตัวอย่างคอนกรีตลูกบาศก์
และตัวอย่างคอนกรีตทรงกระบอก หน่วยมาตรฐานอยู่ในรูป MPa
หรือ kg / cm²
2.
กำลังอัดของตัวอย่างทรงกระบอกสามารถเปรียบเทียบได้กับค่ากำลังอัดลูกบาศก์
วิธีการทดสอบ:
1)
นำตัวอย่างทดสอบออกจากบ่อบ่ม
ก่อนที่จะทำการทดสอบตัวอย่างต้องอยู่ในสภาวะชื้น
2)
วัดขนาดตัวอย่างทดสอบ
a) ในกรณีตัวอย่างคอนกรีตทรงกระบอกให้วัดเส้นผ่านศูนย์กลางตัวอย่างโดยทำการวัดที่กึ่งกลางของตัวอย่างทดสอบ
2 ครั้ง ในแนวตั้งฉากกัน และหาค่าเฉลี่ย และทำการวัดส่วนสูงของตัวอย่างทดสอบ 2 ครั้งและทำการเฉลี่ย
b) สำหรับกรณีตัวอย่างคอนกรีตลูกบาศก์ ทำการวัดขนาด กว้าง ยาว
และสูงของตัวอย่างทดสอบอย่างละ 2 ค่า และหาค่าเฉลี่ย
3)
ชั่งน้ำหนัก
และทำการบันทึกค่า
4)
กดตัวอย่างทดสอบ
a)
ในกรณีตัวอย่างคอนกรีตทรงกระบอก
วางตัวอย่างทดสอบที่ Cap หัวไว้กึ่งกลางเครื่องมือทดสอบ
หลังจากนั้นทำการกดด้วยอัตรา 0.14-0.34 MPa/s
b)
ในกรณีคอนกรีตลูกบาศก์
วางตัวอย่างทดสอบที่กึ่งกลางเครื่องมือทดสอบ หลังจากนั้นกดด้วยอัตรา 12-24 N/mm2ต่อนาที
5)
กดจนกระทั่งก้อนตัวอย่างคอนกรีตแตก
6)
บันทึกแรงกดสูงสุด
มุมที่แตก และลักษณะอื่นๆที่อาจเป็นสาเหตุให้เกิดการเสียหายได้ อาทิเช่น โพรงอากาศ
7)
คำนวณค่ากำลังอัดทดสอบโดยนำค่าแรงกดสูงสุดหารด้วยพื้นที่หน้าตัดของตัวอย่างทดสอบ
สรุปผลการทดลอง
จากการทดสอบค่ากำลังอัดของคอนกรีต
พบว่าค่ากำลังอัดคอนกรีตทรงกระบอกมีค่า
kg / cm² ค่ากำลังอัดคอนกรีตลูกบาศก์มีค่า สามารถนำไปใช้งานได้
เนื่องจากกำลังอัดทรงกระบอกมาตรฐานของผู้ออกแบบมีค่า kg / cm² แต่คอนกรีตที่ได้มามีคุณภาพค่อนข้างต่ำ
ไม่เหมาะกับการใช้งานจริง
ตอนที่
2 กำลังดัดของคอนกรีต (Bending Strength of Concrete)
จุดประสงค์
1.
เพื่อให้ทราบถึงวิธีการทดลองกำลังดัดของคอนกรีตแบบ
Third-point Loading
2.
เปรียบเทียบความสัมพันธ์ที่ได้จากค่ากำลังดัดกับค่ากำลังอัดคอนกรีต
ที่มา/ความสำคัญ:
-ค่ากำลังดึงของคอนกรีตมีค่าต่ำ
ถูกนำมาคำนวณโดยใช้ความสำพันธ์กับกำลังเป็นเกณฑ์
-ค่ากำลังดัดของคอนกรีตทั่วไปมีค่า 0.7
-ค่ากำลังดัดของคอนกรีตส่วนใหญ่ใช้ในการออกแบบผิวถนน
หรือแผ่นพื้นที่วางบนดิน
สรุปผลการทดลอง
จากการทดสอบค่ากำลังดัดของคอนกรีต ค่ากำลังดัดจากการทดสอบไม่สามารถนำไปใช้งานได้
คือคอนกรีตที่ผลิตขึ้นนี้ไม่สามารถนำไปใช้งานที่ได้ออกแบบไว้ตามมาตรฐานได้
เนื่องจากค่ากำลังอัดมีค่ามาก แต่ค่ากำลังดัดมีค่าน้อยมาก
ซึ่งเกิดจากปัจจัยหลายๆด้านตามที่ระบุในรายงานการทำการทดลองMix Concrete
ตอนที่
3 กำลังดึงแยกของคอนกรีต (Splitting Tensile Strength of Concrete)
จุดประสงค์:
1)
เพื่อให้ทราบถึงวิธีการทดสอบกำลังดึงแยกของคอนกรีต
2)
เปรียบเทียบความสัมพันธ์ที่ได้จากค่ากำลังดึงแยกกับค่ากำลังอัดคอนกรีต
ที่มา/ความสำคัญ:
การหาค่ากำลังดึงของคอนกรีตจะกระทำการทดสอบ
โดยทำการทดสอบค่ากำลังดัด หรือกำลังแยกแทนค่ากำลังดัดของคอนกรีต พบว่า มีค่าประมาณ 8-14 % ของกำลังอัดของคอนกรีตทรงกระบอก
วิธีการทดสอบ:
1)
ลากเส้นผ่านศูนย์ที่ปลายของแท่งทดสอบคอนกรีตลูกทรงกระบอก
2)
วัดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตัวอย่างที่ทำการทดสอบ
ให้ละเอียดที่ 0.25 มม.
3)
วัดขนาดความยาวของตัวอย่างทรงกระบอก
โดยความละเอียดที่ 2.5 มม.
4)
วางตัวอย่างคอนกรีตให้ได้ศูนย์กลางของแท่งทดสอบ
5)
กดคานด้วยแรง
689- 1380 kPa ต่อนาที
จนกระทั่งตัวอย่างทรงกระบอกแตก
6)
บันทึกค่าแรงกดสูงสุด
และตำแหน่งที่แตก และลักษณะการแตก
สรุปผลการทดลอง
จากการทดสอบค่ากำลังดึงแยกของตัวอย่างคอนกรีต
ทำให้ทราบว่าคอนกรีตนี้ไม่สามารถนำไปใช้งานจริง
เนื่องจากค่ากำลังดึงแยกที่ได้มาไม่เป็นไปตามมาตรฐาน มีค่าเกินความเป็นจริง
ทั้งนี้เนื่องจากความผิดพลาดจากปัจจัยต่างๆอย่างที่ระบุไว้ในการทดลองของ Mix Concrete
——————————————————————————————————————
ค่ามาตรฐานหาได้จากที่ไหนครับ
ตอบลบ