ผลกระทบของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
การขยายตัวของเทคโนโลยีสารสนเทศ
เทคโนโลยีสารสนเทศมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ขีดความสามารถในการใช้งาน
เพิ่มขึ้นขณะเดียวกันก็มีราคาถูกลง มีการประยุกต์ใช้งานอย่างกว้างขวาง
จนกล่าวได้ว่า เทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับมนุษย์ทุกคนไม่ทางตรงก็ทางอ้อม
และหนึ่งในนั่นก็คือ อินเตอร์เน็ต
ปัจจุบันนี้อินเตอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทอย่างมากในสังคมของเรา
ซึ่งก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคมทั้งในด้านที่ดี
ถ้าผู้ใช้รู้จักนำมันไปให้อย่างมีประโยชน์ และก่อให้เกิดโทษต่อสังคมถ้าผู้ใช้ไม่รู้จักวิธีการใช้
อินเตอร์เน็ตให้ประโยชน์แก่เราอย่างมาก เช่น สามารถติดต่อกันได้ทุกมุมโลก
หรืออาจจะเป็นการทำงานผ่านทางอินเตอร์เน็ตโดยที่ไม่ต้องออกไปทำงานข้างนอกบ้าน
และนอกจากนี้อินเตอร์เน็ตยังให้ความบันเทิงแก่เราได้อีกด้วย เป็นต้น
ทั้งนี้ผู้จัดทำได้เรียบเรียงผลกระทบและแนวทางการแก้ไขจากการนำอินเตอร์เน็ตมาใช้ทั้งในด้านที่เป็นประโยชน์และด้านที่เป็นโทษแก่ผู้ใช้
ทั้งนี้ในเรื่องข้อเสนอแนะหรือแนวทางการแก้ไข ผู้จัดทำได้นำมาจากความรู้และประสบการณ์โดยตรง กล่าวได้ว่าเป็นแค่ข้อคิดเห็นส่วนหนึ่งของสังคมซึ่งไม่ได้หมายถึงสามารถแก้ปัญหาได้ตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการได้
ในอดีตกาล “โลก” นับว่ามีพื้นที่กว้างใหญ่ เกินกว่ามนุษย์จะสามารถทราบถึงสิ่งต่างๆ
ในทุกมุมโลกได้ การติดต่อสื่อสารของผู้คนในสมัยก่อน อาจมีเพียงแค่การพบปะพูดคุย
และการส่งข้อความ หรือจดหมาย
ซึ่งแม้ต่อมาได้พัฒนาการติดต่อสื่อสารเป็นการใช้โทรเลข แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้มนุษย์สามารถทราบถึงสิ่งต่างๆ
ในทุกมุมโลกได้ในเวลาอันรวดเร็ว ปัจจุบัน “โลก” ก็ยังมีขนาดพื้นที่เท่าเดิม
แต่มนุษย์กลับสามารถทราบถึงสิ่งต่างๆ ในทุกมุมโลกได้เพียงเสี้ยววินาที นั่นก็เป็นเพราะมนุษย์ได้พัฒนาการติดต่อสื่อสารให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
โดยนำเครื่องคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีการสื่อสารต่าง ๆ เข้ามาประยุกต์ใช้ร่วมกัน จนเกิดเป็นช่องทางการติดต่อสื่อสารใหม่
ที่เรียกว่า “ อินเตอร์เน็ต” (Internet)
อินเทอร์เน็ตเริ่มเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย ดังจะเห็นได้จากหนังสือพิมพ์
วารสาร รายการทางโทรทัศน์ และวิทยุต่าง ๆ ได้นำเรื่องของอินเทอร์เน็ตเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อหาที่นำเสนอต่อสาธารณะในแง่มุมต่าง
ๆ มีทั้งนำเสนอในเรื่องราวที่เป็นแง่บวกและลบ จึงเป็นเรื่องที่ต้องมีการพิจารณากันให้ถี่ถ้วนมากยิ่งขึ้น แนวโน้มของการเผยแพร่ข้อมูลผ่านทางอินเทอร์เน็ตนั้นมีมากยิ่งขึ้นและในรูปแบบที่หลากหลายมากกว่าเดิม
การห้ามไม่ให้มีการเผยแพร่วัฒนธรรมต่างชาติเข้ามานั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ดังนั้นแต่ละสังคมหรือประเทศนั้นจำเป็นต้องมีการดำเนินการบางประการเพื่อให้วัฒนธรรมท้องถิ่นที่ดีไม่ถูกกลืนหรือสูญหายไปจากสังคม
วิธีการหนึ่งก็คือการส่งเสริมและให้มีการเผยแพร่วัฒนธรรมผ่านทางสื่ออินเทอร์เน็ตซึ่งสามารถทำได้ง่ายและได้กลุ่มผู้รับข่าวสารมากยิ่งขึ้น การใช้อินเทอร์เน็ตมีผลกระทบทั้งด้านบวกและลบ
ผลกระทบทางด้านบวกเช่น สามารถได้รับความรู้และข้อมูลข่าวสารมากยิ่งขึ้น ทำให้ประชาชนมีความรู้
สามารถหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์และทันสมัย ได้จากแหล่งข้อมูลต่างๆ ในอินเทอร์เน็ต และยังทำให้สามารถติดต่อสื่อสารถึงกันได้สะดวก
รวดเร็ว และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง สำหรับผลกระทบทางด้านลบ
เช่น อาจจะทำให้เยาวชนได้รับข้อมูลหรือภาพในทางที่ไม่ดีได้ ดังนั้นผู้ปกครองจำเป็นต้องช่วยดูแลบุตรหลานในการใช้อินเทอร์เน็ต
เช่นดูแลให้ใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนหรือเทคโนโลยีที่ทันสมัยและใช้ในการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น
ไม่ว่าจะเป็นการส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์หรือการสนทนาบนเครือข่าย แต่อย่างไรก็ตามต้องใช้ด้วยความรอบคอบ
ควรตระหนักถึงประโยชน์ที่จะได้รับ ใช้สนทนาในเรื่องที่เป็นประโยชน์ และต้องตระหนักถึงความจำเป็นและความเหมาะในเรื่องของเวลาและเนื้อหาที่ใช้ในการสนทนาอีกด้วย
อินเตอร์เน็ต หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในกองทัพของประเทศสหรัฐอเมริกา
เพื่อใช้ในการส่งข้อมูลต่างๆ ของกองทัพสหรัฐ แต่ปัจจุบันได้มีการสร้าง
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ขึ้นมากมายจนแผ่ขยายครอบคลุมทั่วโลก
ประกอบกับการมีสื่อ ข่าวสาร หรือแม้แต่รูปแบบในการติดต่อสื่อสารกันผ่านทางอินเตอร์เน็ตมีมากมายและหลากหลายรูปแบบ
แทบจะเรียกได้ว่าเป็นยิ่งกว่า “ห้างสรรพสินค้า” เพราะมีทุกสิ่งให้เลือกสรรตามความต้องการของผู้ใช้ทุกเพศ
ทุกวัย ส่งผลให้ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกหันมาใช้อินเตอร์เน็ตกันอย่างแพร่หลาย ทำให้โลกที่มีพื้นที่กว้างใหญ่กลับกลายเป็น
“โลกไร้พรมแดน” หรืออีกนัยหนึ่งกล่าวคือ
การที่ผู้คนเริ่มหันมาติดต่อสื่อสารกันทางอินเตอร์เน็ต ทำให้เกิดสังคมใหม่ ซึ่งเรียกว่า
“ชุมชนออนไลน์” หรือที่หมายความถึง กลุ่มคนที่ติดต่อสื่อสารกันมีจนกลายเป็นกลุ่มคนในสังคมเดียวกัน
โดยมีเรื่องที่สนใจหรือมีความต้องการเหมือน ๆ กัน
ในประเทศไทย ชุมชนออนไลน์เริ่มแผ่อิทธิพลเข้าไปมีบทบาทในชีวิตประจำวันของทั้งเด็ก
เยาวชน ผู้ใหญ่ หรือแม้แต่นักเรียน นักศึกษา ที่ต้องการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการท่องโลกอินเตอร์เน็ต
เพื่อหาความรู้ใหม่ๆ หรือความบันเทิงตามประสาของผู้ที่มีความ “อยากรู้” ทั้งหลาย
โดยอาจถือได้ว่าเป็นการต่อยอดความรู้เดิมที่มี หรือเพื่อดูหนัง ฟังเพลง สันทนาการพักผ่อนหย่อนใจ
โดยสามารถสังเกตได้จากจำนวนร้านให้บริการอินเตอร์เน็ตที่เปิดให้บริการกันอย่างมากมาย
เกือบทั่วทุกพื้นที่ทั้งในเขตกรุงเทพมหานคร เมืองใหญ่ๆ และปัจจุบันก็ไม่เว้นแม้กระทั่งเมืองเล็กๆ
เช่น ในตำบล หรือหมู่บ้านซึ่งมีผู้คนอาศัยอยู่กันเป็นจำนวนมาก แต่อย่างไรก็ตาม ถึงจะกล่าวว่าการมีอินเตอร์เน็ตให้ใช้เป็นยิ่งกว่าการมีห้างสรรพสินค้าอยู่ใกล้ๆ
บ้าน แต่ในโลกนี้ก็ยากจะหาสิ่งใดที่ดีและเพียบพร้อมไปทุกอย่าง สิ่งใดสิ่งหนึ่งจึงอาจมีทั้งข้อดีและข้อเสียเป็นของคู่กันในตัวมันเอง
อินเตอร์เน็ต หรือชุมชนออนไลน์ก็เช่นกัน ข้อดีนั้นแทบไม่ต้องกล่าวถึง เพราะแทบทุกคนที่ได้มีโอกาสสัมผัสกับโลกอินเตอร์เน็ต
ย่อมรู้ถึงข้อดีของอินเตอร์เน็ตเป็นอย่างดี ดังที่กล่าวถึงไปแล้วบ้างในตอนต้น ส่วนข้อเสียซึ่งนับว่าเป็นภัยร้ายจากการใช้อินเตอร์เน็ต
ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาก็เริ่มปรากฏภาพให้เห็นในสังคมไทย ควบคู่ไปกับความเจริญด้านเทคโนโลยีที่เข้ามา
ภัยจากการใช้อินเตอร์เน็ต หรือจากการมีชุมชนออนไลน์ก็เป็นที่ทราบกันดีว่ามีอยู่หลายเรื่อง
ซึ่งบางเรื่องก็อาจก่อให้เกิดผลกระทบที่แตกต่างกันออกไป ยกตัวอย่างเช่น
ผลกระทบเชิงบวกของการใช้อินเตอร์เน็ตด้านสังคม
1.) ส่งเสริมความสะดวกสบายแก่มนุษย์ ทำให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานมากยิ่งขึ้น
ช่วยในประหยัดค่าใช้จ่าย เวลา ต้นทุนและทรัพยากร ได้แก่
การทำงานในวงการสื่อต้องความความตรงต่อเวลาเพื่อผลิตข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนได้บริโภค
เช่น ต้องส่งฉบับให้โรงพิมพ์ โดยการส่งข้อมูลทางอีเมล์
และการทำใบลางานเป็นลายลักษณ์อักษรพร้อมใบรับรองแพทย์ เป็นต้น
ทั้งนี้ความเร็วของอินเตอร์เน็ตช่วยในการดำเนินชีวิตของคนเราง่ายขึ้น
สามารถเอาชนะระยะเวลา และสถานที่ได้
2.) พัฒนาคุณภาพชีวิต สำหรับคนทำงานประจำ เวลาการทำงานตรงกับเวลาของราชการทำให้ยากต่อการพบแพทย์หรือเข้าคอร์สต่างๆ
แต่ในโลกอินเตอร์เน็ตมีระบบผู้เชี่ยวชาญต่างๆ
ในฐานข้อมูลความรู้คอยให้เป็นที่ปรึกษาด้านสุขภาพและการแพทย์
3.) ช่วยให้เกิดความเข้าใจอันดีระหว่างกัน มีการเรียนรู้วัฒนธรรมซึ่งกันและกันมากขึ้น
เกิดความเข้าใจอันดีระหว่างกัน ทำให้ลดปัญหาใน เรื่องความขัดแย้ง สังคมไร้พรมแดนทำให้มี
ความเป็นอยู่แบบรวมกลุ่มประเทศมากขึ้น ยังทำให้มนุษย์รับรู้ข้อมูลข่าวสารได้ทั่วทุกมุมโลกและบริโภคข้อมูลที่หลากหลายสำนักงาน
ทั้งยังสามารถประสานงานหรือประชุมผ่านทางระบบ Video Conference อีกด้วย
4.) ส่งเสริมให้เกิดการวิจัยค้นคว้า ช่วยในงานการสำรวจทางด้านอวกาศ
งานพัฒนาคิดค้นผลิตภัณฑ์และสารเคมีต่างๆทำให้ได้สูตรยารักษาโรคใหม่ๆเกิดขึ้นมากมาย
และยังสามารถค้นหารายงานวิจัยที่มีผู้เคยทำไว้แล้วอย่างรวดเร็ว
5.) ส่งเสริมสติปัญญาของมนุษย์ อินเตอร์เน็ตสามารถเป็นผู้ช่วยมนุษย์
สามารถจำจองเหตุการณ์หรือกว่าได้ว่าเป็นที่เตือนสติ มมุษย์สามารถรู้ประสบการณ์ต่างๆได้เปรียบเสมือนได้สัมผัสกับประการณ์จริง
6.) พัฒนาคุณภาพการศึกษา
-การสืบค้นข้อมูล บนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
เป็นที่เก็บรวบรวมข้อมูลในศาสตร์แขนงต่างๆมากมายถือได้ว่าเป็นห้องสมุดที่มีขนาดใหญ่
อีกทั้งข้อมูลต่างๆยังมีการปรับปรุงให้ทันสมัยเสมอ
และปัจจุบันก็มีเครื่องมือช่วยค้นหาข้อมูลเหล่านั้นได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
-การแลกเปลี่ยนความรู้ เมื่ออินเตอร์เน็ต
เป็นเครือข่ายที่เชื่อมต่อไปทั่วโลก
จึงเป็นที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนความรู้ในแขนงต่างๆได้เป็นอย่างดี
-การเรียนการสอน สามารถใช้อินเตอร์เน็ต
เป็นห้องเรียนเสมือนปัจจุบันมีการอัพโหลดบทเรียนออนไลน์
คือไม่ว่าคุณจะไม่ห้องเรียน แต่คุณได้รู้ถึงเนื้อหาการสอนได้ สามารถเรียนทางไกลในชนบทได้
และยังได้ดูไฟล์วีดีโอย้อนหลังของบทเรียนผ่านระบบe-Learning
ทั้งนี้ถ้านักศึกษาใช้สื่อเหล่านี้ผิดวัตถุประสงค์เช่น
เป็นช่องทางการโดดเรียน ก็จะเป็นผลเสียต่อตัวนักศึกษาเองอีกด้วย
ผลกระทบเชิงลบของการใช้อินเตอร์เน็ตด้านสังคม
1.)
ก่อให้เกิดอาชญากรรมทางอินเตอร์เน็ต
บนโลกอินเตอร์เน็ตปัญหาอาชญากรรมเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว ทั้งผู้ต้องหา หรือผู้เสียหาย
ซึ่งมีกลุ่มอาชญกรรมทางอินเตอร์เน็ตมีดังนี้:-
1.แฮกเกอร์ (Hacker) พวกแอบดูหรือขโมยข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น เช่น การแอบดูพาสเวิร์ดแล้วนำข้อมูลที่ได้ไปก่อคดีอาชญากรรม
แต่บางครั้งมีการแอบเข้าไปดูข้อสอบหรือความรู้อื่น ๆ
เนื่องจากบางครั้งเทคโนโลยีก็มีจุดโหว่เป็นช่องว่างให้เข้ามาได้
กฎหมายใหม่จึงต้องกำหนดให้ชัดเจนว่า
การเข้าไปดูข้อมูลที่ไม่ได้รับอนุญาตนั้นเป็นการกระทำที่เป็นความผิดอาญา เช่น
การไปแอบดูข้อมูลบัตรเครดิตผู้อื่น
2.แครกเกอร์ (Cracker) พวกที่ทำความเสียหายในระบบ
เช่น เข้าไปโกง ฟอกเงิน เข้าไปบิดเบือดข้อมูล
ขโมยความลับของบริษัทเอกชนหรือเข้าไปขโมยข้อมูลความลับของชาติ ซึ่งถือเป็นอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ที่ร้ายแรงที่สุด
3.เผยแพร่ไวรัส พวกนี้แม้ว่าจะไม่ได้ทำอาชญากรรมโดยตรง
แต่เป็นพวกที่จับยากที่สุด เพราะไวรัสเผยแพร่เร็วและขยายวงกว้าง
ทั้งในปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายควบคุมที่ชัดเจน ทางกระทรวงไอซีทีจึงจะมีการยกร่างกฎหมายเกี่ยวกับไวรัสขึ้น
เพื่อให้ใกล้เคียงกับกฎหมายของสหรัฐฯ
4.อาชญากรรมในส่วนของการทำธุรกรรมทางอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะเรื่องของการซื้อของทางอินเทอร์เน็ตแล้วไม่จ่ายเงิน
ส่วนนี้ต่อไปเมื่อ พ.ร.บ.อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ประกาศใช้
จะสามารถตามจับคนที่ทำผิดได้
แต่ก็มีข้อจำกัดที่จับได้เฉพาะการทำความผิดที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เช่น
การซื้อของแบบอี-คอมเมอส์ ที่คนขายอยู่ประเทศหนึ่ง
คนซื้ออยู่อีกประเทศและแหล่งสินค้าอาจจะอยู่อีกประเทศก็เป็นได้
เพราะปัจจุบันมีการค้าในรูปแบบนี้อยู่มาก
5.การกำจัดภาพโป๊อนาจารแบบรื้อเครือข่าย กระทรวงไอซีทีควบคุมได้
เพราะส่วนใหญ่ก็ทำจากเครื่องพีซี ทุกวันนี้ป้องกันไม่ให้คนมาเปิดดู
พยายามไล่ติดตามปิดบล็อกที่ไอเอสพี ไม่ให้เปิดดูเว็บไซต์
ล่าสุดกำลังไล่ติดตามจับคนที่ทำเว็บไซต์เหล่านี้ด้วย
โดยมีข้อมูลเว็บไซต์ภาพโป๊อนาจารในประเทศไทยมีอยู่ ประมาณ 120 เว็บไซต์จะลิงค์ถึงกันเป็นเครือข่าย
เพื่อหาสมาชิกใหม่
แม้โลกออนไลน์จะเปิดกว้าง แต่ก็มีขอบเขตควบคุมที่รัดกุมขึ้น
ดังนั้น หากคุณจะเข้าใช้อินเตอร์เน็ต
ควรตรวจสอบให้ดีก่อนว่า เข้าข่ายมีความผิดใน 5 กลุ่มนี้หรือไม่ จะได้ไม่ถูกจับโดยไม่รู้ตัว
2.)
ทำให้เกิดความเสี่ยงภัยต่อทรัพย์สิน จากการใช้ความรู้ด้านที่ผิดของมิจฉาชีพ
ทำให้บุคคลทั่วไปสามารถเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพได้ เช่นการเผยแพร่ไวรัส
การแฮกเกอร์ข้อมูลบัตรเครดิต การซื้อขายทางอินเตอร์เน็ต เป็นต้น ซึ่งปัญหาเหล่านี้ยากต่อการป้องกัน
และรู้ตัวอีกทีก็สายเกินไปแล้ว ข้อมูลของสำนักงานที่จัดตั้งขึ้นเพื่อติดตามและหาทางแก้ปัญหาของสหประชาชาติประเมินว่า
แต่ละปีคนดีๆ ต้องเสียเงินให้กับมิจฉาชีพในอินเตอร์เน็ตสูงถึง
500 ล้านดอลลาร์ หรือราว 22,500 ล้านบาทเลยทีเดียว
3.)
เกิดปัญหาการลอกลวงทางอินเตอร์เน็ต การล่อลวงผลมาจากการมี “ชุมชนออนไลน์” ประเภทบล็อก
ไดอารี่ออนไลน์ เว็บไซต์หาคู่ จากการแชตห้องสนทนา และcamfrog เป็นต้น ซึ่งกำลังกลายเป็น “ห้างสรรพสินค้าขนาดยักษ์”
ที่เปิดกว้างให้กลุ่มอาชญากรล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กและเยาวชน เข้ามาใช้เป็นสื่อกลางในการ
“ล่าเหยื่อ” อย่างง่ายดาย โดย “กลุ่มนักล่าออนไลน์” ประเภทนี้จะอาศัยความอยากรู้
เงิน ความเหงา และแรงกระตุ้นทางเพศเป็นอาวุธในการล่อลวงเหยื่อให้ไปติดกับ ภัยจากการล่อลวงทางอินเตอร์เน็ตหลายคดีที่เกิดขึ้น
มักเกิดจากการล่อลวงให้ผู้เสียหายเกิดความรู้สึกสนิทสนมผ่านทางการ Chat ด้วยโปรแกรมสนทนา หรือการสนทนาโต้ตอบกันทาง E-mail จนกระทั่งทำให้เกิดความรู้สึกอยากไปพบ
อยากเจอกับเพื่อนใหม่คนนั้น การนัดหมายเจอกันตามสถานที่ต่าง ๆ
และตามมาด้วยการลงเอยจากการกระทำในสิ่งที่ไม่ควร ไม่ว่าจะเป็นการอนาจาร กระทำชำเรา
และสุดท้ายมักลงเอยด้วยการล่อลวงคู่สนทนาเพื่อพาไปข่มขืน ซึ่งสามารถสังเกตได้จากข่าวคราวในหน้าหนังสือพิมพ์หลายๆ
ฉบับในช่วงเวลาที่ผ่านมา ดังข่าวของครูสาว อายุ 28 ปี
จากจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งถูกนายโมฮัมหมัด อายุ 34 ปี ชาวปากีสถาน
ล่อล่วงผ่านการ Chat เพื่อพาไปข่มขืน นับเป็นเรื่องราวการล่อลวงที่สะเทือนขวัญที่สุดในเมืองไทย
เมื่อตำรวจพบชิ้นส่วนศพถูกหั่นเป็นชิ้นๆ ยัดใส่กระเป๋ารวม 4 ใบ
ทิ้งไว้ตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งนับเป็นตัวอย่างของปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นจากการมีชุมชนออนไลน์
4.)
เสื่อมเสียด้านสุขภาพ
และจิตใจ ส่งผลเสียต่อระบบร่างกายทั้งการขับถ่าย การนอน และการออกกำลังกาย
อีกทั้งยังเกิดอาการกระวนกระวายเมื่อไม่ได้เล่น ซึมเศร้า
และเป็นโรคติดอินเตอร์เน็ต (Webaholic)
5.)
ทำให้ความสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมในสังคมน้อยลง อินเตอร์เน็ตมีลักษณะการใช้งานเพียงคนเดียว ทำให้ความสัมพันธ์กับผู้อื่นลดน้อยลง
ผลกระทบนี้ทำให้มีความเชื่อว่า มนุษยสัมพันธ์ของบุคคลจะน้อยลง สังคมใหม่จะเป็นสังคมที่ไม่ต้องพึ่งพาอาศัยกันมาก
เช่นการมีเวลาสังสรรค์กับเพื่อนๆน้อยลง
แทนที่จะไปนั่งกินสังสรรค์กับหมู่เพื่อนเก่า
กลับมานั่งทักทายแค่ในโลกไซเบอร์แห่งนี้
6.)
เกิดการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
สื่ออินเตอร์เน็ตยังเป็นที่ระบายอารมณ์ เช่น การไปด่าต่อว่าคนโน้น
คนนี้ตามกระทู้ต่างๆ และการไปคอมเมนต์ในในรูปแบบHi 5 และFacebook
ซึ่งก่อให้การแตกแยกภายในครอบครัวอีกด้วย
7.)
ส่งผลเสียต่อวัฒนธรรม ส่งผลกระทบต่อวัฒนธรรมประเพณีอันดีของไทยทุกวันนี้นั่นก็คือ
สื่อลามก อนาจาร ที่มาจากการถ่ายคลิปวิดีโอ ทั้งจากโทรศัพท์มือถือ หรือการใช้
กล้อง Web Cam ในโปรแกรมสนทนาชื่อดัง
ซึ่งส่งผลให้วัฒนธรรมเรื่องการรักนวลสงวนตัว และการผิดประเวณี
การผิดลูกผิดเมียผู้อื่นเป็นเรื่องที่ถูกมองข้าม เพราะปัจจุบันผู้ที่ทำการโชว์ภาพอนาจาร
หรือถ่ายคลิปวิดีโอ ไม่ใช่เพียงแต่ผู้ชายฝ่ายเดียว
แต่ยังมีผู้หญิงเป็นจำนวนมากที่ทำการโชว์ภาพ หรือถ่ายคลิปวิดีโอ
ทั้งที่ทำโดยความสมัครใจ หรือความชอบส่วนตัว และประเภทที่ทำการโชว์
หรือถ่ายคลิปวิดีโอเพื่อผลตอบแทน ทั้งที่เป็นการตอบแทนด้วยเงิน สิ่งของ
หรือแม้แต่เพื่อแลกเปลี่ยนกับบัตรเติมเงิน ซึ่งเมื่อมองแล้วหลายคนอาจจะบอกว่านั่นเป็นสิทธิของบุคคล
แต่เมื่อถ้าลองมองต่อไป ถ้าสังคมมีแต่ผู้คิดว่าเรื่องภาพโป้ การโชว์อนาจาร หรือถ่ายคลิปวิดีโอเป็นเรื่องธรรมดา
สื่อสิ่งลามกประเภทนี้ก็จะมีอย่างแพร่หลายทั่วไป จนกลายเป็นสิ่งหล่อหลอมความคิดและประเพณีปฏิบัติแบบผิดๆ
ของผู้คนในสังคมต่อไปในอนาคต
8.)
ทำให้เสื่อมเสียด้านศีลธรรม การติดต่อสื่อสารที่รวดเร็วในระบบเครือข่ายก่อให้เกิดโลกไร้พรมแดน
แต่เมื่อพิจารณาศีลธรรมของแต่ละประเทศ พบว่ามีความแตกต่างกัน ประเทศต่างๆ
ผู้คนอยู่ร่วมกันได้ด้วยจารีตประเพณี และศีลธรรมดีงามของประเทศนั้นๆ
การแพร่ภาพหรือข้อมูลข่าวสารที่ไม่ดีไปยังประเทศต่างๆ มีผลกระทบต่อความรู้สึกของคนในประเทศนั้นๆที่นับถือศาสนาแตกต่างกัน และมีค่านิยมแตกต่างกัน ทำให้เยาวชนรุ่นใหม่สับสนต่อค่านิยมที่ดีงามดั่งเดิม เกิดการลอกเลียนแบบ
อยากรู้อยากเห็นสิ่งใหม่ๆ ที่ผิดศีลธรรม จนกลายเป็นสิ่งที่ถูกต้องในกลุ่มเยาวชน
เมื่อเยาวชนปฏิบัติต่อๆ กันมาก็จะทำให้ศีลธรรมของประเทศนั้นๆ เสื่อมสลายลง
9.)
ก่อให้เกิดการพนันออนไลน์ เกิดการพนันออนไลน์ง่ายต่อการเข้าถึง ไม่ว่าเป็นเด็กหรือว่าผู้ใหญ่ พร้อมที่จะแทงพนันในทุกรูปแบบ เช่น แทงบอล และคานสิโน แทงได้ทุกช่วงเวลา
ผลกระทบเชิงบวกของการใช้อินเตอร์เน็ตด้านเศรษฐกิจ/การเมือง
1.)
เป็นฐานข้อมูลช่วยในการตัดสินใจ
สามารถบริโภคสินค้าที่มีความหลายและมีคุณภาพที่ดีขึ้น
จากความก้าวหน้านี้ยังทำให้รูปแบบของผลิตภัณฑ์มีความแปลกใหม่
และหลากหลายมากยิ่งขึ้น
2.)
เป็นช่องทางในการประชาสัมพันธ์
โฆษณา ติดต่อสื่อสารทางธุรกิจ
3.)
ช่วยให้การเติบโตทางอุตสาหกรรมการผลิตที่ดีขึ้น
4.)
กิจกรรมทางการตลาดเข้าถึงอย่างรวดเร็วและทั่วถึงทุกภูมิภาค
อินเตอร์เน็ตเป็นลู่ทางใหม่ทางการค้า
เพราะผู้ขายสามารถประกอบธุรกิจทางการค้าผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต
ลูกค้าสามารถชมภาพ และรายละเอียดของสินค้าเพื่อใช้ในการตัดสินใจได้ทันที ณ เครื่องของลูกค้าเอง
ผู้ขายเพียงแค่จัดเตรียมข้อมูลลงในคอมพิวเตอร์ของตน ก็สามารถบริการขายลูกค้าได้ทั่วโลกพร้อม
ๆ กัน โดยไม่ต้องสิ้นเปลืองงบประมาณในการประชาสัมพันธ์มากเท่าวิธีอื่น สามารถซื้อสินค้าและชำระเงินผ่านอินเตอร์เน็ตได้โดยตรง
เพียงแต่ลูกค้าจะต้องมีบัตรเครดิต เมื่อสั่งซื้อสินค้าต่าง ๆ ก็กรอกหมายเลขบัตร แล้วระบุสินค้าที่ต้องการ จากนั้นสินค้าจะถูกส่งมาทางไปรษณีย์ และเงินจะถูกหักจากบัญชีเครดิต
ผลกระทบเชิงลบของการใช้อินเตอร์เน็ตด้านเศรษฐกิจ/การเมือง
1.)
ก่อให้เกิดปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์
2.)
เกิดการโจรกรรมข้อมูล, ทำลายข้อมูล ข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น
เช่น การแอบดูพาสเวิร์ด การเปลี่ยนแปลงคะแนนเฉลี่ย
มีการแอบเข้าไปดูข้อสอบหรือความรู้อื่น ๆ
3.)
เกิดปัญหาก่อการร้าย กรณีการใช้โปรแกรมการสืบค้นภาพสถานที่จากเว็บไซต์ชื่อดัง
ที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งเปิดให้บริการสืบค้นฟรีทางระบบอินเตอร์เน็ต ซึ่งผู้เข้าใช้บริการสามารถสืบค้นจนสามารถเห็นได้ทุกหนทุกแห่งบนโลก
กล่าวคือ สามารถมองเห็นแม้กระทั่งหลังคาบ้านของตนเอง ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นเว็บไซต์สืบค้นที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในปัจจุบัน
แต่ดังที่กล่าวไปแล้วว่า ไม่มีสิ่งใดที่จะเพียบพร้อมในตัวของมันเอง มีดีก็ต้องมีเสีย
เพราะด้วยเป็นโปรแกรมสืบค้นที่ทรงประสิทธิภาพ สามารถมองเห็นได้ทุกสถานที่
แม้แต่สถานที่สำคัญของประเทศ เช่น สนามบิน คลังอาวุธ หรือตึกสำคัญๆ
และด้วยเป็นเว็บไซต์ที่เปิดให้บริการฟรีไม่จำกัดผู้เข้าใช้ จึงอาจมีผู้ไม่หวังดี
หรือกลุ่มผู้ก่อการร้าย เข้ามาใช้บริการสืบค้น และยังมีการแฮกเกอร์ระบบการรักษาความปลอดภัยของสถานสำคัญๆ
ซึ่งนั่นย่อมจะส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศด้วยเช่นกัน
ผลกระทบเชิงบวกของการใช้อินเตอร์เน็ตด้านบันเทิง
1.)
เป็นการพักผ่อนหย่อนใจ
สันทนาการ อินเตอร์เน็ตสามารถสร้างความสนุกได้ สามารถดูหนังฟังเพลงได้ตามใจชอบ
และยังได้เล่นเกมส์คลายความเครียดได้อีกด้วย
2.)
สามารถฟังวิทยุและดูรายการโทรทัศน์
ผ่านระบบออนไลน์ได้ สามารถรับฟังและชมรายการทีวีที่ได้ชื่นชอบได้อีก ไม่ว่าคุณจะอยู่ส่วนไหนของโลก
3.)
สามารถดึงข้อมูล(Download) ภาพยนตร์ตัวอย่างมาดูได้ จากเว็บไซต์ฟรีดาวน์โหลดต่างๆ
ทำให้สามารถดาวน์โหลดข้อมูลต่างๆได้ตามสมใจ
แต่บางทีข้อมูลเหล่านี้เป็นการละเมิดลิขสิทธิ ดังนั้นต้องคิดตรึงตรองให้รอบคอบ
4.)
สามารถอ่านแมกกาซีนหรือการ์ตูนออนไลน์ได้
สามารถดาวน์โหลดการ์ตูนและแมกกาซีนออนไลน์ได้
โดยไม่ต้องเสียเวลาไปเลือกซื้อ
ผลกระทบเชิงลบของการใช้อินเตอร์เน็ตด้านบันเทิง
1.)
เกิดการติดเกมส์ออนไลน์ เป็นอาการทางจิตประเภทหนึ่ง ซึ่งนักจิตวิทยาชื่อ Kimberly S Young ได้ศึกษาและวิเคราะห์ไว้ว่า บุคคลใดที่มีอาการดังต่อไปนี้ อย่างน้อย 4
ประการ เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี
แสดงว่าเป็นอาการติดอินเทอร์เน็ต
-รู้สึกหมกมุ่นกับอินเทอร์เน็ต
แม้ในเวลาที่ไม่ได้ต่อเข้าระบบอินเทอร์เน็ต
-มีความต้องการใช้อินเทอร์เน็ตเป็นเวลานานขึ้นอยู่เรื่อยๆ
ไม่สามารถควบคุมการใช้อินเทอร์เน็ตได้
-รู้สึกหงุดหงิดเมื่อใช้อินเทอร์เน็ตน้อยลง
หรือหยุดใช้
-คิดว่าเมื่อใช้อินเทอร์เน็ตแล้ว
ทำให้ตนเองรู้สึกดีขึ้น
-ใช้อินเทอร์เน็ตในการหลีกเลี่ยงปัญหา
-หลอกคนในครอบครัว หรือเพื่อน
เรื่องการใช้อินเทอร์เน็ตของตนเอง
-มีอาการผิดปกติเมื่อเลิกใช้อินเทอร์เน็ต เช่น
หดหู่ กระวนกระวาย
ซึ่งอาการดังกล่าว
ถ้ามีมากกว่า 4 ประการในช่วง 1
ปี จะถือว่าเป็นอาการติดอินเทอร์เน็ต ซึ่งส่งผลเสียต่อระบบร่างกาย
ทั้งการกิน การขับถ่าย
และกระทบต่อการเรียน สภาพสังคมของคน ๆ นั้นต่อไป
2.) เกิดการขโมยทรัพย์สินทางปัญญา เป็นการขโมยงานหรือความคิดสร้างสรรค์ในสาขาวรรณกรรม ศิลปกรรม ดนตรีกรรม
งานภาพยนต์ หรืองานอื่นใดในแผนกวิทยาศาสตร์ลิขสิทธิ์ยัง รวมทั้งสิทธิค้างเคียง (Neighbouring
Right) คือ การนำเอางานด้านลิขสิทธิ์ออกแสดง เช่น นักแสดง
ผู้บันทึกเสียงและสถานีวิทยุโทรทัศน์ในการบันทึกหรือถ่ายทอดเสียงหรือภาพ
ข้อเสนอแนะ
ประการแรก รัฐและสังคมไทยควรตระหนักถึงปัญหาการพนันออนไลน์
แฮกเกอร์
แครกเกอร์ การเผยแพร่ไวรัส และการกำจัดภาพโป๊อนาจารแบบรื้อเครือข่าย
ซึ่งปัญหาทั้งหมดที่จะส่งผลกระทบต่อศักยภาพทรัพยากรมนุษย์และความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมของชาติในอนาคต
ประการที่สอง รัฐและสังคมไทยควรมีมาตรการที่มีประสิทธิภาพในการจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว
ประการที่สาม รัฐควรสร้างสิ่งแวดล้อมและกิจกรรมต่างๆ
อาทิ กิจกรรมดนตรี กีฬา การออกกำลังกายศิลปะ หรือกิจกรรมที่สร้างสรรค์อื่นๆ เป็นต้น
เพื่อให้เด็กหันมาสนใจในการทำกิจกรรมมากกว่าการเล่นท่องอินเทอร์เน็ต
ประการที่สี่ รัฐควรจัดอบรมให้ความรู้แก่พ่อแม่
ครู และผู้เกี่ยวข้องในด้านต่างๆ ดังต่อไปนี้
• วิธีการสังเกตพฤติกรรมการเล่นอินเตอร์เน็ตของเด็กๆ
• กระบวนการในการป้องกันและแก้ปัญหา
• การปลูกฝังระเบียบวินัย
• การปลูกฝังความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นตั้งแต่วัยเด็ก
• การให้คำแนะนำในการใช้คอมพิวเตอร์
ประการที่ห้า รัฐควรใช้มาตรการทางกฎหมายในการจัดการควบคุมกำกับแหล่งที่มาของผู้ให้บริการอย่างเคร่งครัด
ประการที่หก รัฐควรจัดหน่วยงานพิเศษที่สามารถคอยกำกับควบคุมร้านอินเตอร์เน็ต
และเว็บไซต์ ซึ่งผู้ที่ตั้งเว็บไซต์จะมีความฉลาดกว่า
มีความพยายามเปลี่ยนชื่อเว็บตลอดเวลา จนเจ้าหน้าที่ตามไม่ทัน
ประการสุดท้าย รัฐควรต้องร่วมมือกับภูมิประเทศในการปิดเว็บไซต์ลามกอนาจาร
และเว็บไซต์พนันออนไลน์
สรุป
คุณค่าและประโยชน์ของอินเทอร์เน็ตนั้นมีมากมาย โดยเฉพาะ ในเรื่องของการสื่อสารกันในรูปแบบต่าง ๆ
เช่น จดหมายอิเล็กทรอนิกส์
การเข้าใช้บริการในระยะไกล
การโอนถ่ายข้อมูล
การสืบค้นข้อมูล
การแลกเปลี่ยนข้อมูลและข่าวสารต่าง ๆ โดยภาพรวมแล้วอินเทอร์เน็ต มีประโยชน์ต่อมนุษย์เป็นอย่างมากก็ตาม
แต่ในทางตรงกันข้ามอินเทอร์เน็ตก็อาจส่งผลร้ายต่อผู้ใช้อินเทอร์เน็ต
ถ้าหากว่าผู้ใช้อินเทอร์เน็ตนั้นใช้บริการในทางที่ไม่ถูกต้อง อย่างเช่น กรณีการล่อลวงไปชิงทรัพย์ เพราะฉะนั้นผู้ที่ใช้บริการอินเทอร์เน็ตทุกคนควรมี
ความระมัดระวังในการใช้บริการอินเทอร์เน็ต และใช้อินเทอร์เน็ตอย่างถูกวิธี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น