วันพุธที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เวลาอิมซาก กับการเริ่มต้นถือศีลอด

بِسْمِ اللهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ

اَلْحَمْدُ للهِ رَبِّ الْعَالَمِيْنَ وَ الصَّلاَةُ وَالسَّلاَمُ عَلىَ سَيِّدِنَا مُحَمَّدٍ وَعَليَ اَلِهِ وَصَحْبِهِ أَجْمَعِيْنَ

เป็นที่ทราบดีตามหลักฟิกห์อิสลามว่า  การอะซานซุบฮินั้นอนุญาตให้มี 2 ครั้ง  กล่าวคืออะซานครั้งแรกนั้นเพื่อบอกเตือน  ส่วนการอะซานครั้งที่สองนั้นคือขณะที่แสงอรุณจริง (ฟะญัรศอดิก) ก็ถือว่าเข้าเวลาละหมาดซุบฮิแล้ว  และจำเป็นต้องอิมซากด้วยการหยุดรับประทานอาหารและสิ่งที่ทำให้เสียศีลอด ดังที่อัลกุรอานได้ระบุยืนยันไว้ว่า

وَكُلُواْ وَاشْرَبُواْ حَتَّى يَتَبَيَّنَ لَكُمُ الْخَيْطُ الأَبْيَضُ مِنَ الْخَيْطِ الأَسْوَدِ مِنَ الْفَجْرِ ثُمَّ أَتِمُّواْ الصِّيَامَ إِلَى الَّليْلِ

"และท่านทั้งหลายจงกินและจงดื่ม  จนกว่าเส้นด้ายสีขาว  จากเส้นด้ายสีดำ  ของแสงอรุณจะปรากฏแก่พวกท่าน  จากนั้นให้พวกท่านจงถือศีลอดให้ครบถึงกลางคืนเถิด" อัลบะกอเราะฮ์ 187

คำว่าเส้นด้ายสีขาว  คือแสงอรุณจริงของกลางวัน  คำที่ว่าเส้นด้ายสีดำ  คือความมืดของเวลากลางคืน  คำที่ว่าแสงอรุณ  หมายถึงแสงอรุณที่ขอบฟ้าซึ่งเป็นสิ่งบ่งบกว่าสิ้นสุดเวลากลางคืนและเริ่ม เข้าสู่กลางวัน  ดังนั้นเมื่อแสงอรุณจริงขึ้นแล้ว แสดงว่าเข้าเวลาช่วงกลางวันแล้ว และเข้าเวลาอิมซากแล้วนั่นเอง

และฮะดิษที่มีการอะซานซุบฮิสองครั้งนั้น  ท่านอัลบุคอรีย์ได้รายงานด้วยสายรายงานของท่านถึงท่านอิบนุอุมัร จากท่านอุมัร ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ  เขากล่าวว่า

‏أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏قَالَ ‏ ‏إِنَّ ‏ ‏بِلَالًا ‏ ‏يُؤَذِّنُ بِلَيْلٍ فَكُلُوا وَاشْرَبُوا حَتَّى يُنَادِيَ ‏ ‏ابْنُ أُمِّ مَكْتُومٍ ‏ ‏ثُمَّ قَالَ وَكَانَ رَجُلًا أَعْمَى لَا يُنَادِي حَتَّى يُقَالَ لَهُ أَصْبَحْتَ أَصْبَحْتَ ‏

"แท้จริงท่าน ร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้กล่าวว่า  แท้จริงบิล้าลได้ทำการอะซานในช่วงกลางคืนอยู่  ดังนั้นพวกท่านทั้งหลายจงกินและจงดื่มเถิด  จนกระทั่งอิบนุอุมมุมักตูมได้ทำการอะซาน หลังจากท่านได้กล่าวว่า  อิบนุอุมมุมักตูมเป็นชายตาบอด  ซึ่งจะทำการอะซานจนกว่าถูกบอกให้แก่เขาว่า ท่านอยู่ในเวลาซุบฮ์แล้ว  ท่านอยู่ในเวลาซุบฮ์แล้ว" รายงานโดยบุคอรีย์ (582)

วันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2555

วิทยาลัยศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล (ข้อสอบ)


ตัวอย่างข้อสอบคัดเลือกเข้าศึกษาที่วิทยาลัยศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล

1)  วิชาการสื่อความคิดเป็นภาษาไทย
            (1)  ท่านมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับประโยชน์ของภาษาไทยในการสื่อสาร สมมุติว่าถ้าหากไม่มีภาษาไทยใช้ ท่านจะสื่อสารได้อย่างไรบ้าง?
(2)  ยกตัวอย่างการใช้ภาษาไทยในสถานการณ์ต่อไปนี้
                        ก.  ผู้พูดไม่รู้ว่าภาษาสื่อความหมายได้หลายนัย ทำให้เกิดสถานการณ์ที่น่าขบขัน
                        ข.  ผู้อ่าน อ่านจดหมาย แต่เว้นวรรคตอนผิด ทำให้เข้าใจไปคนละเรื่อง
                        ค.  นักการเมืองใช้ถ้อยคำผิด  ทำให้ประชาชนโกรธแค้น

2)  วิชาภาษาอังกฤษ
            PART I: GRAMMAR
            A) Direction: Choose the best alternative with correct grammar to complete each space.
            1.  If you want to improve you English, is it worth……………….a year in the United States of America.
                        1.  spending                             2.  to spend
                        3.  spend                                 4.  spent
            2.  If times were harder, what expenses……………..to cut?
                        1.  do you try                2.  would you try
                        3.  will you try               4.  did you try

          PART II: SITUATIONAL DIALOQUES
            A) Direction: Choose the best answer to complete the dialogues.
            1.  Someone calls your office and asks to speak to your boss. You say,
                 “……………………………………………………………………”
                        1.  Who are you?
                        2.  What do you want?
                        3.  Could I have your name, please?
                        4.  Would you please call me again?


            2.  The students are very noisy. The teachers says, “……………………….”
                        1.  Keep quiet                          2.  speak up
                        3.  Come down                                    4.  Stay calm
           
          PART III: VOCABULARY
            Direction: Choose the best alternative that keeps the meaning of word or phrase.
            1.  One of my friends has written and published his own……………………………
                        1.  biology                                2.  biography
                        3.  autobiography                     4.  geology
            2.  The man are coming today to…………………………the furniture in our hall.
                        1.  renovate                             2.  refresh
                        3.  renew                                 4.  retake

         
3)  ตัวอย่างข้อสอบวิชาการใช้เหตุผล
          อ่านข้อความข้างล่างนี้แล้วตอบคำถาม
            (1)  การสอบแข่งขันทางการศึกษาทุกวันนี้นับวันทวีความดุเดือด ดังนั้น จึงมีอาจารย์ที่รวมตัวกันเปิดสอนกวดวิชา และมีอาจารย์บางคนสอนตามลำพัง แม้ว่ากระทรวงศึกษาธิการจะลดจำนวนวิชาที่ใช้ในการสอบแข่งขัน แต่ทว่า ในความเป็นจริงแรงกดดันทางจิตใจของบรรดานักศึกษาก็ยังมิได้ลดน้อยเบาลง
            ในแต่ละปีผมได้รับหน้าที่เป็นผู้คุมการสอบไล่อยู่เสมอ เมื่อเห็นบรรดานักศึกษาที่สอบแข่งขันกันอยู่นั้นมีลักษณะตึงเครียดกระทั่งหน้าซีดทำท่าจะเป็นลม ก็จะพยายามปลอบใจพวกเขาว่า ไม่ต้องตึงเครียดมากนักผ่อนคลายลงสักหน่อย ให้ถือเสียว่าเป็นการทดสอบความเหมาะสมในการเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยก็แล้วกัน
                        ก.  ความเครียดหมายถึงอะไร?  เกิดขึ้นได้อย่างไร? ผู้คุมการสอบมีเหตุผลอะไรจึงต้องการให้ผู้เข้าสอบคลายความเคียดลง?
                   ข.  เป็นไปได้หรือไม่ที่จะสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยโดยไม่มีความเครียดเลย? ทำไม?

            (2)  มีเด็กคนหนึ่งเก็บดักแด้บนกอหญ้า เขาเอามันกลับบ้านจะดูว่าดักแด้นั้นจะหลายเป็นผีเสื้อออกมาโบยบินได้อย่างไร
            หลายวันผ่านไป บนดักแด้ก็เกิดเป็นรอยแตกขึ้นเล็กๆ ตัวผีเสื้อในดักแด้ดิ้นรนอย่างสุดฤทธิ์ แต่ก็ออกมาไม่ได้ คล้ายกับจะมีอะไรพันธนาการอยู่
            เด็กคนนั้นสุดจะอดกลั้นต่อไป ใจคิดว่า เราจะต้องช่วยมันสักหน่อย ดังนั้น เขาจึงใช้กรรไกรตัดดักแด้ออกเป็น 2 ซีก ช่วยให้ผีเสื้อหลุดออกมาจากดักแด้ที่ห่อหุ้มมันอยู่ แต่ตัวผีเสื้อกลับบวมเป่ง ปีกก็เหี่ยวแห้ง มันบินไม่ขึ้น
            เด็กนั้นเข้าใจว่า อีกไม่กี่ชั่วโมง ปีกของผีเสื้อก็จะกางออกอย่างเต็มที่ แต่ความหวังของเขาสูญเปล่า ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ผีเสื้อตัวนั้นเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าจะต้องลากเอาร่างที่บวมเป่งและปีกที่เหี่ยวแห้ง คลานอยู่กับพื้นไปตลอดชีวิตของมัน ไม่มีทางที่จะกางปีกบินไปไหนได้
            เหตุผลในโลกธรรมชาตินั้นพิสดารยิ่งนัก การเติบโตของแต่ละชีวิตล้วนแต่เต็มไปด้วยความอัศจรรย์และเคร่งครัด แตงสุกก็หล่นลงมาบนพื้น ผีเสื้อจะต้องดิ้นรนอยู่ในดักแด้ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว จนกระทั่งปีกของมันแข็งแรงแล้วจึงจะแหวกดักแด้ออกมาได้ เจตนาดีของเด็กที่ใช้กรรไกรไปตัดดักแด้กลับทำร้ายชีวิตของมันไปทั้งชีวิต
                        ก.  ผู้เขียนต้องการจะสื่อความคิดอะไรแก่ผู้อ่าน?
ข. ความคิดดังกล่าวมีความสำคัญมากน้อยเพียงใด?สมควรจะไปเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตหรือไม่? ทำไม?

_______________________

กำลังอัด กำลังดัดของคอนกรีต


Lap:  Compressive, Bending and Splitting Tensile Strengths of Concrete
ตอนที่ 1         กำลังอัดของตัวอย่างคอนกรีต (Compressive Strength of Concrete Specimens)
ตอนที่ 2         กำลังดัดของคอนกรีต (Bending Strength of Concrete

ตอนที่ 1         กำลังอัดของตัวอย่างคอนกรีต (Compressive Strength of Concrete Specimens)
จุดประสงค์:
1.                  เพื่อให้ทราบถึงวิธีการทดสอบกำลังอัดของคอนกรีต
2.                  เปรียบเทียบกำลังอัดของคอนกรีตลูกบาศก์และกำลังอัดของคอนกรีตทรงกระบอกได้
3.                  เปรียบเทียบพฤติกรรมการแตกร้าวของตัวอย่างคอนกรีตลูกบาศก์และตัวอย่างคอนกรีตทรงกระบอกได้         
ที่มา/ความสำคัญ    
1.การทดสอบกำลังอัด ทำการทดสอบกับก้อนตัวอย่างมาตรฐาน ASTM สำหรับมาตรฐานในประเทศไทย
มาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) ยอมให้มีการทดสอบได้ทั้งตัวอย่างคอนกรีตลูกบาศก์ และตัวอย่างคอนกรีตทรงกระบอก หน่วยมาตรฐานอยู่ในรูป MPa หรือ kg / cm²
2. กำลังอัดของตัวอย่างทรงกระบอกสามารถเปรียบเทียบได้กับค่ากำลังอัดลูกบาศก์    
วิธีการทดสอบ:
1)      นำตัวอย่างทดสอบออกจากบ่อบ่ม ก่อนที่จะทำการทดสอบตัวอย่างต้องอยู่ในสภาวะชื้น
2)      วัดขนาดตัวอย่างทดสอบ
a) ในกรณีตัวอย่างคอนกรีตทรงกระบอกให้วัดเส้นผ่านศูนย์กลางตัวอย่างโดยทำการวัดที่กึ่งกลางของตัวอย่างทดสอบ 2 ครั้ง ในแนวตั้งฉากกัน และหาค่าเฉลี่ย และทำการวัดส่วนสูงของตัวอย่างทดสอบ 2 ครั้งและทำการเฉลี่ย
b) สำหรับกรณีตัวอย่างคอนกรีตลูกบาศก์ ทำการวัดขนาด กว้าง ยาว และสูงของตัวอย่างทดสอบอย่างละ 2 ค่า และหาค่าเฉลี่ย
3)      ชั่งน้ำหนัก และทำการบันทึกค่า
4)      กดตัวอย่างทดสอบ
a)      ในกรณีตัวอย่างคอนกรีตทรงกระบอก วางตัวอย่างทดสอบที่ Cap หัวไว้กึ่งกลางเครื่องมือทดสอบ หลังจากนั้นทำการกดด้วยอัตรา 0.14-0.34 MPa/s
b)      ในกรณีคอนกรีตลูกบาศก์ วางตัวอย่างทดสอบที่กึ่งกลางเครื่องมือทดสอบ หลังจากนั้นกดด้วยอัตรา 12-24 N/mm2ต่อนาที
5)      กดจนกระทั่งก้อนตัวอย่างคอนกรีตแตก
6)      บันทึกแรงกดสูงสุด มุมที่แตก และลักษณะอื่นๆที่อาจเป็นสาเหตุให้เกิดการเสียหายได้ อาทิเช่น โพรงอากาศ
7)      คำนวณค่ากำลังอัดทดสอบโดยนำค่าแรงกดสูงสุดหารด้วยพื้นที่หน้าตัดของตัวอย่างทดสอบ
สรุปผลการทดลอง
จากการทดสอบค่ากำลังอัดของคอนกรีต พบว่าค่ากำลังอัดคอนกรีตทรงกระบอกมีค่า     kg / cm² ค่ากำลังอัดคอนกรีตลูกบาศก์มีค่า     สามารถนำไปใช้งานได้ เนื่องจากกำลังอัดทรงกระบอกมาตรฐานของผู้ออกแบบมีค่า     kg / cm² แต่คอนกรีตที่ได้มามีคุณภาพค่อนข้างต่ำ ไม่เหมาะกับการใช้งานจริง
ตอนที่ 2                 กำลังดัดของคอนกรีต (Bending Strength of Concrete)
จุดประสงค์
1.                  เพื่อให้ทราบถึงวิธีการทดลองกำลังดัดของคอนกรีตแบบ Third-point Loading
2.                  เปรียบเทียบความสัมพันธ์ที่ได้จากค่ากำลังดัดกับค่ากำลังอัดคอนกรีต
ที่มา/ความสำคัญ:   
-ค่ากำลังดึงของคอนกรีตมีค่าต่ำ  ถูกนำมาคำนวณโดยใช้ความสำพันธ์กับกำลังเป็นเกณฑ์
-ค่ากำลังดัดของคอนกรีตทั่วไปมีค่า  0.7
-ค่ากำลังดัดของคอนกรีตส่วนใหญ่ใช้ในการออกแบบผิวถนน หรือแผ่นพื้นที่วางบนดิน 
สรุปผลการทดลอง
จากการทดสอบค่ากำลังดัดของคอนกรีต  ค่ากำลังดัดจากการทดสอบไม่สามารถนำไปใช้งานได้ คือคอนกรีตที่ผลิตขึ้นนี้ไม่สามารถนำไปใช้งานที่ได้ออกแบบไว้ตามมาตรฐานได้ เนื่องจากค่ากำลังอัดมีค่ามาก แต่ค่ากำลังดัดมีค่าน้อยมาก ซึ่งเกิดจากปัจจัยหลายๆด้านตามที่ระบุในรายงานการทำการทดลองMix Concrete
ตอนที่ 3       กำลังดึงแยกของคอนกรีต (Splitting Tensile Strength of Concrete)
จุดประสงค์:
1)      เพื่อให้ทราบถึงวิธีการทดสอบกำลังดึงแยกของคอนกรีต
2)      เปรียบเทียบความสัมพันธ์ที่ได้จากค่ากำลังดึงแยกกับค่ากำลังอัดคอนกรีต
ที่มา/ความสำคัญ:
การหาค่ากำลังดึงของคอนกรีตจะกระทำการทดสอบ โดยทำการทดสอบค่ากำลังดัด หรือกำลังแยกแทนค่ากำลังดัดของคอนกรีต พบว่า มีค่าประมาณ 8-14 % ของกำลังอัดของคอนกรีตทรงกระบอก  
วิธีการทดสอบ:
1)      ลากเส้นผ่านศูนย์ที่ปลายของแท่งทดสอบคอนกรีตลูกทรงกระบอก
2)      วัดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตัวอย่างที่ทำการทดสอบ ให้ละเอียดที่ 0.25 มม.
3)      วัดขนาดความยาวของตัวอย่างทรงกระบอก โดยความละเอียดที่ 2.5 มม.
4)      วางตัวอย่างคอนกรีตให้ได้ศูนย์กลางของแท่งทดสอบ
5)      กดคานด้วยแรง 689- 1380 kPa ต่อนาที จนกระทั่งตัวอย่างทรงกระบอกแตก
6)      บันทึกค่าแรงกดสูงสุด และตำแหน่งที่แตก และลักษณะการแตก
สรุปผลการทดลอง
จากการทดสอบค่ากำลังดึงแยกของตัวอย่างคอนกรีต ทำให้ทราบว่าคอนกรีตนี้ไม่สามารถนำไปใช้งานจริง  เนื่องจากค่ากำลังดึงแยกที่ได้มาไม่เป็นไปตามมาตรฐาน มีค่าเกินความเป็นจริง ทั้งนี้เนื่องจากความผิดพลาดจากปัจจัยต่างๆอย่างที่ระบุไว้ในการทดลองของ Mix Concrete



—————————————————————————————————————





การหล่อตัวอย่างมอร์ต้า


Lap 2: Casting and Flown Test of Hydaulic Cement Mortars
ตอนที่  1                 การหล่อตัวอย่างมอร์ต้าลูกบาศก์ (Cube) และการทดสอบการไหล
ตอนที่ 2                  การหล่อตัวอย่างมอร์ต้าแบบบริเคท (Briquet)
ตอนที่  1  การหล่อตัวอย่างมอร์ต้าลูกบาศก์ (Cube) และการทดสอบการไหล
จุดประสงค์
1.      เพื่อให้นักศึกษาทราบถึงวิธีการผสมมอร์ต้า
2.      เพื่อทำการหล่อมอร์ต้า สำหรับใช้ในการทดลองต่อไป
3.      เพื่อให้นักศึษาทราบถึงการทดสอบการไหลแผ่ของมอร์ต้าได้
วัสดุ
1.      ซีเมนต์ที่ต้องการทดสอบคุณภาพประมาณ 2000 กรัม
2.      ทรายมาตรฐานประมาณ 5000 กรัม และจะต้องมีขนาดคละดังนี้
ตะแกรงเบอร์
(ช่องว่าง มม.)
มวลที่ค้างบนตะแกรง
%
16 (1.180)
0
30 (0.600)
2 ± 2
50 (0.300)
72 ± 5
100 (0.150 )
98 ± 2
เครื่องมือ
1.      เครื่องชั่งอ่นได้ละเอียดไม่น้อยกว่า 1 กรัม
2.      ตะแกรงมาตรฐานสหรัฐ 100 50 30 และ 16
3.      หลอดแก้วสำหรับตวงขนาด 500 มล. จำนวน 1 ใบ
4.      แบบหล่อตัวอย่างรูปลูกบาศก์ขนาด 50 มม.
5.      แท่นทดลองการไหลแผ (Flow Table) พร้อมอุปกรณ์
6.      เกรียงเหล็กจำนวน 1 อัน
7.      ถุงมือยาง 1 คู่
8.      ถาดสำหรับผสมมอร์ต้าปูนซีเมนต์ 1 ใบ
9.      เครื่องผสมมอร์ต้า
10. แท่งกระทุ้งขนาด 13 + 25 มม. ยาวประมาณ 120 ถึง 150 มม.
วิธีการทดลอง
1.      ทาน้ำมันภายในแบบหล่อตัวอย่างบางๆ
2.      เตรียมวัสดุ คือทราย น้ำ ซีเมนต์
3.      อัตราส่วนของวัสดุคือ ซีเมนต์ 1 ส่วน  ทรายมาตรฐาน 2.75 ส่วน  น้ำสะอาด  0.485 ส่วน
4.      ผสมวัสดุด้วยเครื่องผสมมอร์ต้า ตามมาตรฐานอุตสาหกรรม มอก. 15 เล่ม 17
5.      เช็ดแท่นให้สะอาด วางแบบลงกึ่งกลางของแท่น จากนั้นใส่มอร์ต้าที่ผสมกแล้วลงในแบบ 1 ชิ้นหนาประมาณ 25 มม. แล้วกระทุ้งด้วยแท่นกระทุ้ง 20 ครั้ง จากนั้นใส่มอร์ต้าให้ล้นอีกชั้นหนึ่งแล้วกระทุ้งเฉือนมอร์ต้าส่วนเกินให้เรียบ ทิ้งไว้ 60 วินาที แล้วยกแท่นขึ้นตรงๆ จากนั้นหมุนให้แท่นตกกระแทกในแนวดิ่งสูง 12.7 มม. จำนวน 25 ครั้งภายใน 15 วินาที เสร็จแล้วให้วัดเส้นผ่าศูนย์กลางของมอร์ต้าที่กระจายบนแท่น โดยหาค่าเฉลี่ยจากการวัด 4 ครั้ง คำนวณการไหลแผ่จากสูตร
การไหลแผ่,  %  =  (D- D) / (D x 100)
D = เส้นผ่าศูนย์กลางที่ฐานของแบบ
D  = เส้นผ่าศูนย์กลางเฉลี่ยของมอร์ต้าที่กระจายบนแท่น
6.      จากข้อ 5 ให้ทิ้งไว้อ่างอีก 90 วินาที แล้วผสมอีกครั้งด้วยความเร็วปานกลาง 15 วินาที
7.      เทมอร์ต้าใส่แบบหล่อ ชั้นแรกหนา 25 มม. เมื่อเทเสร็จกระทุ้ง 32 ครั้ง ภายในเวลา 10  นาที การกระทุ้งให้กระทุ้งเป็น 4 รอบในแต่ละช่อง ก่อนที่จะไปกระทุ้งช่องอื่นต่อไป
จากนั้นใส่มอร์ต้าส่วนที่เหลือให้เต็ม แล้วกระทุ้งเช่นเดียวกันกับชั้นแรก แล้วใช้เกรียงแต่งให้เรียบร้อย
8.      หลังจากหล่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้เก็บตัวอย่างไว้ในห้องเก็บความชื้น หรือคลุมผ้าใบไว้เป็นเวลา 24 ชั่วโมง  ถอดแบบออกแล้วแช่ในน้ำสะอาด
ตัวอย่างการคำนวณ และผลการทดสอบ
ð การไหลแผ่ของมอร์ต้า, %  = 
ð โดย  D  = เส้นผ่านศูนย์กลางที่ฐานของแบบ
         D  = เส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ยของมอร์ต้าที่กระจายบนแท่น
ð จะได้ค่า      D  =  10.15  cm.
              D(1)  =  10.92  cm.
              D(2)  =  10.94  cm.
              D(3)  =  10.89  cm.
              D(4)  =  11.04  cm.
              D    =  10.95  cm.
            การไหลแผ่ของมอร์ต้า,  %  =     
                                            =   7.9  %
ตอนที่ 2  การหล่อตัวอย่างมอร์ต้าแบบบริเคท (Briquat)
จุดประสงค์
1.      เพื่อให้นักศึกษาทราบถึวิธีการผสมและหล่อมอร์ต้า ในตัวอย่างบริเคทมาตรฐาน
2.      เพื่อทำการหล่อมอร์ต้า สำหรับใช้ในการทดลองต่อไป
วัสดุ
1.      ซีเมนต์ที่ต้องการทดสอบประมาณ 300 กรัม
2.      ทรายมาตรฐานประมาณ 900 กรัม โดยทรายมาตรฐานจะต้องเป็นทรายธรรมชาติ ซึ่งได้จากออตตาวา มลรัฐอิลินอยส์ ซึ่งผ่านตะแกรงเบอร์ 20 และค้างบนตะแกรงเบอร์ 30
เครื่องมือ
1.แบบหล่อบริเคท ส่วนยาวสุด 3 นิ้ว , ส่วนแคบสุดและลึกสุด 1 นิ้ว
2.เครื่องชั่งละเอียด  1  กรัม
3.ตะแกรงมาตรฐาน เบอร์ 20 (0.85 มม.) และเบอร์ 30 (0.600 มม.)
4.หลอดแก้วสำหรับตวง (Glass Graduate) ซึ่งอ่านละเอียดถึง 1 มล.
5.เกรียงเหล็ก
6.ถุงมือยาง
7.ถาดผสมมอร์ต้า
วิธีการทดลอง
1.      ส่วนผสมของมอร์ต้าประกอบด้วยซีเมนต์ 1 ส่วน, ทรายมาตรฐาน 3 ส่วน
2.      คำนวณปริมาณน้ำที่ใช้ผสมมอร์ต้าจาก
Y  =   + 6.5
          เมื่อ  Y เป็นปริมาณน้ำที่ต้องการโดยน้ำหนักเป็นร้อยของน้ำหนักรวมของซีเมนต์และทราย
                 P  เป็นร้อยละของน้ำ ที่ทำให้ซีเมนต์มีความข้นเหลวปกติ 
3.      เทซีเมนต์ และทรายตามจำนวนที่ต้องการบนถาดผสม
4.      เทน้ำตามปริมาณที่คำนวณ
5.      ทิ้งให้มอร์ต้าดูดซึมน้ำอีก 30 วินาที
6.      ผสมให้ส่วนผสมเป็นเนื้อเดียวกัน
7.      เทมอร์ต้าลงในบริเคทที่ชโลมน้ำมันไว้แล้ว กดมอร์ต้าให้ทั่วอย่างละ 12 ครั้ง
8.      ตักมอร์ต้าใส่ให้พูน แล้วเกลี่ยออกให้เรียบ
9.      กลับแบบโดยใช้แผ่นแก้วช่วย แล้วทำซ้ำตามข้อ 7 และข้อ 8
10. เก็บตัวอย่างไว้ 24 ชั่วโมง โดยให้ผิวบนของตัวอย่างสัมผัสกับความชื้น โดยใช้ผ้าใบคลุม จากนั้นจึงเอาตัวอย่างไปแช่น้ำสะอาด
ตัวอย่างการคำนวณ และผลการทดลอง
          Y  =   + 6.5
          เมื่อ  Y เป็นปริมาณน้ำที่ต้องการโดยน้ำหนักเป็นร้อยของน้ำหนักรวมของซีเมนต์และทราย
                 P  เป็นร้อยละของน้ำ ที่ทำให้ซีเมนต์มีความข้นเหลวปกติ
       Y  =   + 6.5  = 11.3

วิเคราะห์ผลการทดลอง
การทดสอบหากำลังของมอร์ต้าซีเมนต์ หากได้ค่าต่ำกว่ามาตรฐานแล้วก็ไม่สมควรที่นำซีเมนต์นั้นไปใช้งานอีกต่อไป การที่ได้ชิ้นงานต่ำกว่ามาตรฐาน อาจเกิดจากหลายสาเหตุดังนี้:-
1.      ปูนซีเมนต์ที่ทำไม่ใช่ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภทที่ 1
2.      การเก็บรักษาไม่ดีพอ ปูนซีเมนต์ได้รับความชื้น
3.      การกระทุ้งไม่ทั่ว และไม่สม่ำเสมอ
จากตอนที่ 1
เมื่อหมุนแท่นกระแทก และวัดค่าจากการทดลอง 4 ครั้ง จะพบว่าค่าที่ได้มีความใกล้เคียงกันมาก จึงสรุปได้ว่า ซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ที่ไช้ทำการทดสอบมีมาตรฐาน
จากตอนที่ 2
เมื่อหล่อชิ้นงานเสร็จผิวกตรงกลางของชิ้นงานมีลักษณะเป็นรอย ซึ่งสาเหตุมาจากการกระทุ้ง
สรุปผลการทดลอง
จากการทดลองที่ 1 การไหลแผ่ของมอร์ต้ามีค่า เท่ากับ 7.9  % ซึ่งมีค่าน้อยมากเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่น และปริมาณน้ำที่ใช้จากการทดลองที่ 2 เท่ากับ 11.3
การทดลองทั้งสองการทดลองสามารถนำไปทดสอบค่ากำลังรับแรงในการทดลองต่อไปได้ และมีมาตรฐาน

อ้างอิง
-        ASTM C109 Standard Test Method for Compressive Strength of Hydaulic Cement Mortar
-        ASTM C230 Standard Specification for Flow Table for Use in Test of Hydraulic Cement
-        ASTM C1437 Standard Test Method for Flow of Hydraulic  Cemen Mortar